8 ที่เที่ยวสมุทรปราการ และคาเฟ่ร้านอาหารวิวปังสุดร่มรื่น 2022 ที่สายรักต้นไม้ต้องชอบ
ใครที่ทำงานหนัก มีเวลาออกเดินทางน้อย อยากชาร์จแวะพักใจกับธรรมชาติชาร์จพลังให้ตัวเองและครอบครัวสักนิด เราขอแนะนำ ที่เที่ยวสมุทรปราการ สายGreen สุดร่มรื่น วิวปัง ที่จะทำให้ใจของคุณได้สงบ สมองปลอดโปร่ง พร้อมรับมือกับการทำงานกันต่อ แถมเดินทางไม่ไกลจากกรุงเทพด้วย
สารบัญท่องเที่ยว |
1. ดูนก มองทะเล ชมพระอาทิตย์ตก ที่ สถานที่ตากอากาศบางปู
สถานที่ตากอากาศบางปู ที่จุดท่องเที่ยวพักผ่อนที่มีชื่อเสียงอันดับต้นๆ ของจังหวัดสมุทรปราการด้วยวิวสุดปังของเหล่านกนางนวล และนกอพยพจากไซบีเรีย ที่หนีความหนาวมายังประเทศไทยทุก ๆ ช่วงเดือนพฤศจิกายน-มกราคม ของทุกปี โดยมีจำนวนไม่ต่ำกว่า 5,000 ตัวในแต่ละปี บินโฉบไปมาเหนือท้องทะเลบางขุนเทียน และยังมีร้านอาหารทะเลอร่อย ๆ สด ๆ จำหน่ายอยู่หลายร้านอีกด้วย แค่ได้นั่งทานอาหารทะเลไปชมวิวพระอาทิตย์ตกที่สวยที่สุดอีกแห่งในประเทศไทยก็ปลื้มปริ่มหัวใจแล้ว
ช่วงเวลาแนะนำไปเยือนสถานที่ตากอากาศบางปู ใครที่ต้องการเดินชมความสวยงามของผืนป่าชายเลนที่บางปู รวมไปถึงเหล่าปลาตีนที่กำลังเต้นระบำ แนะนำให้ควรมาช่วงเช้า แต่ถ้าหากใครที่อยากมาเก็บภาพทไวไลท์สวย ๆ กับฝูงนกนางนวล แนะนำให้มาเช็คอินที่บริเวณสะพานสุขตา ช่วงบ่ายหลังสี่โมงเย็นไปแล้ว เพราะแสงแดดไม่แรงมาก และเป็นช่วงที่กำลังดีต่อการถ่ายรูปฝูงนกนางนวล บินโฉบไปมา หรือเกาะที่จุดแวะพักรูปหัวใจกลางทะเล
เราสามารถเดินทางไปยัง ที่เที่ยวสมุทรปราการ แห่งนี้ได้โดยรถไฟฟ้า BTS สายสีเขียว โดยให้นั่งสุดสายที่สถานีเคหะ เดินออกมาทางออกที่ 3 นั่งรถสองแถวหมายเลข 36 ซึ่งจอดอยู่ตรงทางลงบีทีเอส
นั่งรถสองแถวใช้เวลาประมาณ 20 นาที จะถึงสถานตากอากาศบางปู สังเกตป้ายใหญ่ ๆ จะอยู่ฝั่งขวามือ เมื่อลงรถสองแถวให้ขึ้นสะพานลอยไปฝั่งตรงข้ามก็จะเจอทางเข้า สถานพักตากอากาศบางปู
2. สวนสาธารณะและสวนพฤกษชาติ ศรีนครเขื่อนขันธ์ บางกระเจ้า
ไปปั่นจักรยานผ่านป่า 3 ยุค สูดอากาศดี ๆ ให้เต็มปอด ที่ “สวนสาธารณะและสวนพฤกษชาติ ศรีนครเขื่อนขันธ์”ปอดกลางเมืองที่ดีที่สุดในเอเชีย จุดท่องเที่ยวพักผ่อนใกล้กรุง ที่เต็มไปด้วยสีเขียวของต้นไม้ และฝูงนกหลากหลายชนิดมากกว่า 100 ชนิด คิดเป็น 1 ใน 10 ของนกที่พบในเมืองไทย มีรูปร่างสีสันสวยงาม มีทั้งนกประจำถิ่น และนกอพยพคอยส่งเสียงเจื้อยแจ้วต้อนรับผู้คนที่มาพักผ่อนกันที่แห่งนี้
เส้นทางปั่นจักรยานแห่งนี้มีความร่มรื่นสวยงามเต็มไปด้วยพรรณไม้จากป่า 3 ยุค ป่าบึงชุ่มน้ำ ป่าชายเลน และป่าดิบลุ่มต่ำ
ไฮไลท์ที่พลาดไม่ได้เมื่อมาที่แห่งนี้ คือ หอดูนก เป็นหอไม้โปร่งสูงตั้งอยู่ท่ามกลางแมกไม้เขียวขจี เราสามารถดูนก หรือดูวิวต้นไม้รอบ ๆ ตัวได้แบบ Bird eye view เป็นจุดเช็คอินฮอตฮิตที่นักท่องเที่ยวนิยมมาถ่ายรูป ครีเอทท่าทางกันอย่างสนุกสนาน และอีกจุดคือ สะพานเขื่อนขันธ์มรรคา เป็นจุดชมวิว ที่เป็นสะพานที่ทอดยาวไปกลางสระน้ำ รายล้อมด้วยแมกไม้ บรรยากาศดีมากเต็มไปด้วยความเงียบสงบ
สามารถเดินทางไป จุดพักผ่อนใกล้กรุง ได้ง่าย ๆ ด้วย BTS ตีตั๋วยาวไปลงที่ สถานีบางนา จากนั้นโบกพี่วินมอเตอร์ไซค์ที่แยกบางนาไปลงวัดบางนานอก แล้วจึงนั่งเรือจาก ท่าเรือวัดบางนานอก ข้ามฟาก ไปลงท่าเรือวัดบางน้ำผึ้งนอก แล้วเช่ารถจักรยานปั่นไปยัง สวนสาธารณะและสวนพฤกษชาติ ศรีนครเขื่อนขันธ์
3. หมู่บ้านหิ่งห้อย บางกระสอบ (สวนป่าลำพู)
ไปรู้จักหิ่งห้อยกันที่หมู่บ้านหิ่งห้อย ที่ก่อตั้งและดูแลโดย คุณลุงสุกิจ หรือที่คุณลุงเรียกตัวเองอย่างถ่อมตนว่า ยามเฝ้าหิ่งห้อย
ที่หมู่บ้านหิ่งห้อยนี้ เป็นแหล่งอนุรักษ์และอนุบาลหนอนหิ่งห้อย และหิ่งห้อยในบางกระเจ้า ใครที่สนใจและอยากเห็นหิ่งห้อยตัวน้อย แนะนำให้ไปช่วยเย็น ๆ สักนิด และควรแต่งตัวด้วยเสื้อแขนยาว กางเกงแขนยาว งดโลชั่นกันยุง กันแมลงทุกชนิด โดยติดต่อคุณลุงสุกิจก่อนนะคะ เมื่อไปถึงแล้ว ทางคุณลุงจะพาเราไปไปทำความรู้จักกับหิ่งห้อยกันเสียก่อน จากนั้น หากยังคงมีแสงอยู่เราคงได้ไปทำความรู้จักกับ คุณปู่ลำพู ต้นลำพูยักษ์ใหญ่ที่ได้รับรางวัล “รุกข มรดกของแผ่นดิน ใต้ร่มพระบารมี” ปี 2561 (เป็น 1 ใน 63 ต้นไม้ทรงคุณค่าจากทั่วประเทศ) หลังจากพระอาทิตย์ตกดินแล้วจึงไปเดินดูบ้านของหิ่งห้อยกัน ที่บ้านของหิ่งห้อยนี้ส่วนใหญ่จะเป็นหนอนหิ่งห้อย คอยส่องแสงวิบวับอยู่บนผืนดิน ราวกับทะเลดาวบนดิน ตลอดเส้นทางเยี่ยมบ้านหิ่งห้อย
เมื่อจบเส้นทางเยี่ยมบ้านหิ่งห้อย คุณลุงก็จะพาพวกเราไปชมเหล่าฝูงหิ่งห้อยโชว์เปล่งแสงวิบวับกันสะพานอยู่ไม่ไกลจากบ้านของหิ่งห้อยมากนัก ช่วงที่เราจะมีโอกาสเจอหิ่งห้อยมากที่สุด คือ ช่วงหน้าฝน
การเดินทางจะเป็นเส้นทางเดียวกับที่เราเดินทางไปยัง สวนสาธารณะและสวนพฤกษชาติ ศรีนครเขื่อนขันธ์ เพียงแต่ว่าระหว่างที่เราจักรยานให้สังเกตป้ายที่จะไป บางกระสอบ แทน สวนศรีนครเขื่อนขันธ์
4. Hidden woods cafe'& garden
คาเฟ่สุดลับ ที่ถูกโอบกอดไปด้วยต้นไม้แห่งบางกระเจ้า Hidden woof café’ เป็นคาเฟ่ที่ก่อตั้งขึ้นด้วยความรักและความตั้งใจที่อนุรักษ์พื้นที่สีเขียวแห่งนี้ไว้ ตัวรูปแบบอาคารจึงถูกออกแบบโดยยึดถือต้นไม้ที่อยู่มาก่อนเป็นสำคัญ จึงไม่แปลกใจเลยว่าคาเฟ่แห่งนี้จะมีรูปแบบที่แปลก ๆ สักหน่อย แต่หากมองโดยรวมจะรู้สึกราวกับว่าเรากำลังถูกต้นไม้ไม่ว่าจะเป็นต้นจามจุรี ต้นจาก ไทร โอบกอดเราอยู่ โดยมีแม่น้ำเจ้าพระยาคอยให้ปลอบประโลมใจเราอยู่เบื้องหน้า
ที่นี่มีโซนพื้นที่สูง 3 ชั้น ชั้นบนสุดเราสามารถมองวิวแบบ 360 องศา เห็นต้นไม้ที่สูงสุดบนเกาะอีกฝั่งและเห็นทัศนียภาพแบบเมืองอีกฝั่งตรงข้าม ช่วยให้เราผ่อนคลายจากแรงกดดันบนบ่าได้ไม่น้อยเลยทีเดียว ดังความตั้งใจของ Hidden woods ที่อยากให้ผู้มาเยือนได้รับการบำบัดและรู้สึกผ่อนคลายกับธรรมชาติมากที่สุด
การเดินทางมาที่ร้านนั้นให้เราตีตั๋วเรือที่ท่าสรรพวุธบางนา โดยแจ้งว่าให้ไปส่งตรงท่าเรือตาเลื่อน เมื่อเรือข้ามฟากแม่น้ำเจ้าพระยามายังบางกระเจ้าเรียบร้อยแล้ว ให้เราเดินเท้าเข้าชุมชนหรือปั่นจักรยานตามป้ายบอกทางไปยังคาเฟ่ได้เลย ระยะทางไม่ไกลมากราว 200 เมตรเท่านั้น
5. บางกอกทรีเฮาส์ cafe' & resort
คาเฟ่และรีสอร์ทสุด ECO ที่เน้นการออกแบบให้มีธรรมชาติสัมผัสกับผู้ที่มาเยือนให้มากที่สุด ไม่ว่าจะเป็นสายลม แสงแดด ต้นไม้ และแม่น้ำ แต่ก็ยังมีห้องที่มีแอร์ให้ความเย็นสำหรับผู้ที่ต้องการดับความร้อนจากการเดินทาง ที่บางกอกทรีเฮ้าส์นี้จะแบ่งออกเป็น 2 โซน คือ โซนคาเฟ่ กับโซนรีสอร์ท ในส่วนของโซนคาเฟ่จะถูกแบ่งออกเป็น 3 ชั้น แต่ละชั้นจะมีสไตล์การตกแต่งออกเป็นแนวโมเดิร์น เน้นสีดำเป็นหลัก วัสดุตกแต่งส่วนใหญ่เป็นไม้ไผ่ ให้ความรู้สึกโปร่งโล่งสบาย นอกจากนี้ยังมีศาลาริมน้ำที่เราไปนั่งเหม่อ ๆ มองสายน้ำไหลเอื่อย ๆ คละเคล้าไปกับเรือที่แล่นผ่านไปมา
สามารถเดินทางไป จุดพักผ่อนใกล้กรุง ได้ง่าย ๆ ด้วย BTS ตีตั๋วยาวไปลงที่ สถานีบางนา จากนั้นโบกพี่วินมอเตอร์ไซค์ที่แยกบางนาไปลงวัดบางนานอก แล้วจึงนั่งเรือจาก ท่าเรือวัดบางนานอก ข้ามฟาก ไปลงท่าเรือวัดบางน้ำผึ้งนอก จากนั้นเดิน หรือนั่งมอเตอร์ไซต์ หรือเช่าจักรยานปั่นเข้ามาตามตรอกเล็กๆ ที่เต็มไปด้วยป่าจาก ต้นไม้อื่นๆ ราว 500 เมตร
6. เด็ดดอกไม้สะเทือนถึงดวงดาว Coffee & Craft
คาเฟ่สาย Green ที่เน้นภาชนะเป็นแบบ BIO หรือที่สามารถ Reuse ได้มากที่สุด สอดคล้องกับโทนการตกแต่งของร้านสร้างให้ยื่นไปยังทะเล และออกแบบให้เน้นรับพลังจากธรรมชาติให้มากที่สุด ไม่ว่าจะมีมุมให้เรานั่งรับลมเย็นๆจากทะเล และก็ยังนั่งมองเหม่อ ๆ ทิ้งความกังวลทั้งหลายออกไป โดยเฉพาะช่วงพระอาทิตย์ใกล้ตกดิน ยิ่งรู้สึกงามจับใจ จนไม่อยากขยับไปไหน สำหรับสายชอบถ่ายรูป เช็คอินมุมสวย ๆ ทางร้านก็มีทุ่งดอกไม้ ทุ่งหญ้าสุดชิคให้เราได้เก็บรูปสวย ๆ กันหลายมุมเลยทีเดียว
ใครสนใจเดินทางไปยังคาเฟ่แห่งนี้ แนะนำให้ศึกษาแผนที่เดินทางก่อนนิดนึงนะจ๊ะ เพราะว่าเส้นทางค่อนข้างลึกลับนิดนึง แนะนำว่าขับรถไปจะดีที่สุดจ้ะ ที่ร้านเขามีลานจอดรถให้บริการหลายคันอยู่ค่ะ
7. Bougain Cafe & Craft
Bougain Cafe & Craft เป็นคาเฟ่สไตล์ญี่ปุ่นในย่านแบริ่ง ไม่ไกลจาก BTS สำโรง นี่คือร้านกาแฟที่มีพื้นที่สวนกว้างขวางและที่นั่งที่สะดวกสบาย ตัวร้านเป็นบ้านสองชั้นหลังใหญ่ในโทนสีเทาและสีน้ำตาล เน้นที่อาหารอบและคาวโดยใช้วัตถุดิบคุณภาพสูงเท่านั้น มีมุมนั่งเล่นมากมายให้ถ่ายรูปทั้งภายในและภายนอกร้าน
8. พิพิธภัณฑ์ช้างเอราวัณ
พิพิธภัณฑ์ช้างเอราวัณได้รับแรงบันดาลใจจากความคิดของคุณเล็ก วิริยะพันธุ์ เป็นสถานที่อนุรักษ์โบราณวัตถุทางวัฒนธรรมและมรดกทางวัฒนธรรมและยังคงอนุรักษ์ศิลปะไทยสืบเนื่องรุ่นต่อรุ่น
ช้างเอราวัณหรือช้างสามเศียร เป็นประติมากรรมลอยตัวด้วยวิธีเคาะมือแห่งแรกที่ใหญ่ที่สุดในโลก ทำจากโลหะทองแดง ตัวช้างรวมตัวอาคารสูง 14-17 ชั้น พิพิธภัณฑ์ช้างเอราวัณแบ่งออกเป็น 2 ส่วน คือส่วนบนของช้าง ได้รับการออกแบบให้เป็นพิพิธภัณฑ์เพื่อจัดแสดงสิ่งของมีค่าเช่นภาพวาดสีฝุ่นรูปจักรวาล พระพุทธรูปปางลีลา บริเวณท้องช้างปูด้วยไม้มะเกลือสีออกดำ
ส่วนล่างของช้างเป็นฐานของโครงสร้างคอนกรีตเสริมเหล็ก มีความสูง 14.60 เมตร ภายในเป็นการผสมผสานของศิลปะประเภทต่างๆ ชั้นใต้ดินเรียกว่า "ชั้นบาดาล" ซึ่งจัดแสดงนิทรรศการและโบราณวัตถุจำนวนมาก เช่น พระพุทธรูป เทวรูปสมัยต่างๆ และเครื่องลายครามของจีน